4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไม่ใช่ตัวเลขที่ Bugatti ตั้งขึ้น แต่หากเป็นสำนักแต่ง Mansory ที่ได้จับไฮเปอร์คาร์รุ่นนี้มาโมดิฟายใหม่จนกลายเป็น Veyron ที่มีราคาแพงที่สุด โดยตัวรถมาพร้อมการตกแต่งด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งภายนอกและภายใน รวมถึงยังถูกอัพเกรดเครื่องยนต์ให้รีดกำลังได้สูงสุด 1, 200 แรงม้า ท็อปสปีด 408 กม. และผลิตเพียง 2 คันเท่านั้น อันดับที่ 6. W Motors Lykan Hypersport – ราคา 3. 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ108 ล้านบาท) เรียกได้ว่าพุ่งทะยานขึ้นไปเป็นรถยนต์ที่แพงที่สุดอันดับ 3 ของโลกทันที หลังผู้ผลิตรถยนต์จากดูไบ W Motors สร้างความตกตะลึงให้กับผู้คนทั่วโลกด้วยการเปิดตัว Lykan Hypersport สุดยอดไฮเปอร์คาร์รุ่นใหม่ในปี 2013 โดยหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้รถรุ่นนี้มีราคาสูง เนื่องจากตัวรถได้มีการตกแต่งด้วยเพชรขนาด 15 กะรัต จำนวนถึง 420 เม็ดไว้ที่บริเวณไฟหน้า LED นอกจากนี้ยังทรงพลังด้วยเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบ 6 สูบ ความจุ 3. 7 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 780 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 960 นิวตันเมตร อันดับที่ 5. Lamborghini Veneno – ราคา 4. 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ144 ล้านบาท) Veneno ได้รับการเปิดตัวครั้งแรกบนเวที Geneva Motor Show 2013 ในฐานะรถรุ่นพิเศษที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของการก่อตั้งบริษัท มาพร้อมเครื่องยนต์ V12 ความจุ 6.
4 มาตกแต่งพิเศษด้วยชุดคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งคัน ไม่ว่าเป็นหลังคา, ฝากระโปรงหน้า, กันชนหน้า-หลัง และเปลี่ยนล้อใหม่ที่เบากว่าเดิม รวมถึงการตกแต่งภายในใหม่ทั้งหมดด้วยเช่นกัน สมรรถนะมากับเครื่องยนต์เบนซินแบบ W16 สูบ ขนาด 8. 0 ลิตร สี่เทอร์โบ วางกลางขับเคลื่อนสี่ล้อ กำลังสูงสุด 1, 000 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 400 กม. /ชม. 8. W Motors Lykan Hypersport 3. 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หนึ่งในพระเอกที่เป็นไฮไลท์ของหนัง The Fast and Furious 7 กับฉากบินข้ามตึกด้วย Lykan Hypersport หลายคนจดจำรถคันนี้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งรถไฮเปอร์คาร์สัญชาติ เลบานอน คันนี้ มีเรื่องราวที่น่าสนใจไม่น้อย Lykan Hypersport เป็นการรวมเอาสุดยอดเทคโนโลยีและความหรูหราแห่งยุคเข้าไว้ด้วยกันเช่นไฟหน้าทำจากเพชรแท้ 440 เม็ดน้ำหนักรวม 15 กระรัต เครื่องยนต์เป็นแบบ 6 สูบแถวเรียง ขนาด 3. 7 ลิตร เทอร์โบคู่ พัฒนาขึ้นโดย RUF ขับเคลื่อนล้อหลัง กำลังสูงสุด 780 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 960 นิวตันเมตร อัตราเร่ง0-100 กม. ในเวลา 2. 8 วินาที ความเร็วสูงสุด 395 กม. Lykan Hypersport ผลิตขึ้นมาจำหน่ายทั้งหมด 7 คัน และหนึ่งใน7คันนั้น เป็นรถตำรวจของรัฐ อบูดาบี ส่วนรถคันที่เห็นในหนังนั้นเป็นรถจำลองที่เมื่อถ่ายทำเสร็จแล้วถูกทำลายทิ้งเหลือเพียงคันเดียวเก็บไว้ในโชว์รูมของ W Motors 7.
0 ลิตร พ่วงเทอร์โบชาร์จ 4 ตัว ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 1, 500 แรงม้า อันดับที่ 1. Rolls-Royce Boat Tail ราคา 28.
/ชม. ภายใน 2. 6 วินาที ราคา Energica Ego 45 Limited Edition อยู่ที่ 56, 000 ปอนด์ หรือประมาณ 2.
78 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือ 724 ล้านบาท อันดับ 7 Duesenberg SSJ 1935 รถคลาสสิคเก่าแก่คันนี้เคยเป็นของนักแสดงในตำนานอย่าง แกรี่ คูเปอร์ (Gary Cooper) ส่วนอีกคันเคยเป็นของ คลาร์ก เกเบิล (Clark Gable) เจ้าของฉายา "The King of Hollywood" เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ 8 สูบ 400 แรงม้า รุ่นปี 1935 ทำความเร็วสูงสุดได้ 225 กม. /ชั่วโมง ทำให้มันเป็นหนึ่งในรถยนต์รุ่นที่เร็วที่สุดในยุคนั้น และปัจจุบันครองตำแหน่งรถสัญชาติอเมริกันที่มีมูลค่าการประมูลสูงที่สุดอีกด้วย มูลค่า 22 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือ 725 ล้านบาท อันดับ 6 Aston Martin DBR1 รถคันนี้เกิดมาเพื่อเป็นรถแข่งโดยเฉพาะ และมีเพื่อนร่วมรุ่นเพียง 5 คันเท่านั้น ผลิตขึ้นในปี 1956 อีกทั้ง Aston Martin คันนี้ยังเป็นเจ้าของสถิติรถยนต์สัญชาติอังกฤษ ที่มีราคาประมูลสูงที่สุด ความน่าสนใจของมันอยู่ตรงที่มีนักแข่งรถระดับตำนานหลายคน เคยขับขี่รถคันนี้คว้าชัยชนะในสนามสำคัญ ๆ มาก่อน อย่าง เซอร์ สเตอร์ลิง มอสส์ (Sir Stirling Moss) และ แจ็ค แฟร์แมน (Jack Fairman) มูลค่า 22. 55 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือ 743 ล้านบาท อันดับ 5 Ferrari 275 GTB/4 NART Spider 1967 หนึ่งในรถที่หายากที่สุดของ Ferrari โดยผลิตออกมาเพียงแค่ 10 คันเท่านั้น ในรุ่นปี 1967 เพื่อขายให้กับ ลุยจิ ซิเนตติ (Luigi Chinetti) ผู้นำเข้า Ferrari ในสหรัฐอเมริกา จึงทำให้รถรุ่นนี้เป็นที่ต้องการอย่างมากในตลาด และหลายคนยังเห็นตรงกันด้วยว่า เป็นหนึ่งในรถที่สวยที่สุดเท่าที่เคยมีการผลิตมา โดยรถคันนี้เป็นสมบัติตกทอดมาในครอบครัว และมีการขายเปลี่ยนมือกันเพียงแค่ 1 ครั้งเท่านั้น มูลค่า 27.
Aston Martin Valkyrie – ราคา 3. 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ102 ล้านบาท) ไฮเปอร์คาร์พลังไฮบริดรุ่นใหม่ของ Aston Martin ที่กำลังจะเปิดตัวในอนาคต ถูกจองหมดเกลี้ยงตั้งแต่ยังไม่ประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการด้วยความร่วมมือของ Red Bull Advanced Technologies และ Cosworth ทำให้ Valkyrie กลายเป็นหนึ่งในไฮเปอร์คาร์สุดทรงพลัง แม้ไม่มีระบบอัดอากาศแต่ก็สามารถรีดพละกำลังได้สูงถึง 1, 175 แรงม้า ท็อปสปีด 321 กม. /ชม. และผลิตเพียง 150 คันเท่านั้น อันดับที่ 8. Bugatti Chiron Sport – ราคา 3. 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ105 ล้านบาท) Chiron Sport ได้รับการเปิดตัวเมื่อปีที่ผ่านมาในงาน Geneva Motor Show มาพร้อมเครื่องยนต์ W16 ความจุ 8. 0 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จ 4 ตัว ให้กำลังสูงสุด 1, 500 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1, 600 นิวตันเมตร เหมือนกับ Chiron รุ่นสแตนดาร์ด แต่ตัวรถมีน้ำหนักเบากว่า 18 กก. เนื่องจากมีการใช้วัสดุคาร์บอนไฟบอร์เป็นส่วนประกอบ รวมถึงยังทำความเร็วในสนามแข่งได้ดีกว่า Chiron ที่เก่งบนเส้นทางตรงอีกด้วย อันดับที่ 7. Bugatti Veyron Vivere By Mansory – ราคา 3. 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ108 ล้านบาท) ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าราคา 3.
eyetracker.app, 2024