Article คือ คำนำหน้านาม มี a, an, the โดยแบ่งการใช้งานเป็น 2 ประเภท ดังนี้ 1. คำนำหน้าคำนามที่ไม่ชี้เฉพาะเจาะจง (Indefinite Articles) ได้แก่ a และ an a ใช้นำหน้าคำนามนับได้เอกพจน์ที่ขึ้นต้นด้วยเสียงพยัญชนะ และเป็นคำนามทั่วไปไม่ชี้เฉพาะเจาะจงว่าเป็นอย่างไหน ตัวอย่าง: Amphon wants to see a movie. (อำพลอยากดูหนัง) เป็นการพูดถึงหนังทั่วไป ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าเป็นหนังแนวไหน หนังเรื่องอะไร Do you know how to use a computer? (คุณรู้ไหมว่าคอมพิวเตอร์ใช้อย่างไร? ) พูดถึงคอมพิวเตอร์ทั่วไป ไม่ได้ระบุว่าเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องไหน รุ่นอะไร an ใช้นำหน้าคำนามนับได้เอกพจน์ ที่เป็นคำนามทั่วไปไม่ชี้เฉพาะเจาะจงว่าเป็นอันไหน เช่นเดียวกับ a **แต่ an จะใช้นำหน้าคำนามที่ขึ้นต้นด้วยเสียงสระ a, e, i, o, u I bought an umbrella yesterday. (เมื่อวานฉันซื้อร่ม) พูดถึงร่มทั่วไป ไม่ได้ระบุว่าเป็นร่มคันไหน สีอะไร Yaya is an actress. (ญาญ่าเป็นนักแสดง) พูดถึงการเป็นนักแสดงทั่วไป ไม่ได้ชี้เฉพาะว่าเป็นประเภทใด ข้อควรระวัง: 1. คำนามบางคำขึ้นต้นด้วยพยัญชนะแต่ออกเสียงเป็นเสียงสระ จะใช้ an เช่น an hour (เอาเออร์) an x-ray (เอกซเรย์) 2.
3 คุณสมบัติที่ดีของรีเลย์ 1. ต้องมีความไว (Sensitivity) คือมีความสามารถในการตรวจพบสิ่งที่ผิดปกติเพียงเล็กน้อยได้ 2. มีความเร็วในการทำงาน (Speed) คือความสามารถทำงานได้รวดเร็วทันใจ ไม่ทำให้เกิดความเสียหายแก่อุปกรณ์และไม่กระทบกระเทือนต่อระบบ โดยทั่วไปแล้วเวลา ที่ใช้ในการตัดวงจรจะขึ้นอยู่กับระดับของแรงดันของระบบด้วย ระบบ 6-10 เควี จะต้องตัดวงจรภายในเวลา 1. 5-3. 0 วินาที ระบบ 100-220 เควี จะต้องตัดวงจรภายในเวลา 0. 15-0. 3 วินาที ระบบ 300-500 เควี จะต้องตัดวงจรภายในเวลา 0. 1-0. 12 วินาที ที่มา:
รีเลย์ (Relay) คืออะไร? คลิปแสดงตัวอย่างการทำงานของรีเลย์ รีเลย์ (Relay) เป็นอุปกรณ์ที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าให้เป็นพลังงานแม่เหล็กเพื่อใช้ในการดึงดูดหน้าสัมผัสของคอนแทคให้เปลี่ยนสภาวะ โดยการป้อนกระแสไฟฟ้าให้กับขดลวด เพื่อทำการปิดหรือเปิดหน้าสัมผัส โครงสร้างของรีเลย์: รีเลย์ประกอบด้วยส่วนสำคัญ 2 ส่วนหลักก็คือ 1. ส่วนของขดลวด หรือ คอยล์ (coil): ซึ่งเป็นส่วนที่ทำหน้าที่สร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้าให้แกนเหล็กหรืออาร์เมเจอร์ (ส่วนที่อยู่กับที่) เพื่อทำการดึงแกนเหล็กส่วนที่เคลื่อนที่ได้ ให้วิ่งลงมาหากัน โดยที่แกนเหล็กทั้งสองจะมีหน้าสัมผัสติดตั้งอยู่ และเมื่อแกนเหล็กมีการเคลื่อนที่ก็จะทำให้หน้าสัมผัสทั้งสองต่อถึงกัน โดยการทำงานจะเริ่มหลังจากที่ขดลวดได้รับต่อเข้ากับแหล่งจ่ายแรงดันไฟฟ้า (ค่าแรงดันที่รีเลย์ต้องการขึ้นกับชนิดและรุ่นตามที่ผู้ผลิตกำหนด) จากนั้นก็จะเกิดกระแสไหลเข้าไปที่ขดลวดและก็ส่งผลทำให้แกนเหล็กกลายเป็นแม่เหล็กไฟฟ้า 2.
1 รีเลย์กระแสเกินชนิดเวลาผกผันกับกระแส (Inverse time over current relay) คือ รีเลย์ ที่มีเวลาทำงานเป็นส่วนกลับกับกระแส 5. 2 รีเลย์กระแสเกินชนิดทำงานทันที (Instantaneous over current relay) คือรีเลย์ที่ทำงานทันทีทันใดเมื่อมีกระแสไหลผ่านเกินกว่าที่กำหนดที่ตั้งไว้ 5. 3 รีเลย์แบบดิฟฟินิตไทม์เล็ก (Definite time lag relay) คือ รีเลย์ ที่มีเวลาการทำงานไม่ขึ้นอยู่กับความมากน้อยของกระแสหรือค่าไฟฟ้าอื่นๆ ที่ทำให้เกิดงานขึ้น 5. 4 รีเลย์แบบอินเวอสดิฟฟินิตมินิมั่มไทม์เล็ก (Inverse definite time lag relay) คือ รีเลย์ ที่ทำงานโดยรวมเอาคุณสมบัติของเวลาผกผันกับกระแส (Inverse time) และ แบบดิฟฟินิตไทม์แล็ก (Definite time lag relay) เข้าด้วยกัน 6. รีเลย์กระแสต่าง (Differential relay) คือ รีเลย์ที่ทำงานโดยอาศัยผลต่างของกระแส 7. รีเลย์มีทิศ (Directional relay) คือรีเลย์ที่ทำงานเมื่อมีกระแสไหลผิดทิศทาง มีแบบรีเลย์กำลังมีทิศ (Directional power relay) และรีเลย์กระแสมีทิศ (Directional current relay) 8. รีเลย์ระยะทาง (Distance relay) คือ รีเลย์ระยะทางมีแบบต่างๆ ดังนี้ - รีแอกแตนซ์รีเลย์ (Reactance relay) - อิมพีแดนซ์รีเลย์ (Impedance relay) - โมห์รีเลย์ (Mho relay) - โอห์มรีเลย์ (Ohm relay) - โพลาไรซ์โมห์รีเลย์ (Polaized mho relay) - ออฟเซทโมห์รีเลย์ (Off set mho relay) 9.
eyetracker.app, 2024